คำพยานชีวิต

ฉันได้รู้จักพระเจ้าตั้งแต่เด็กๆ เพราะแม่ของฉันเป็นคริสเตียนตั้งแต่ฉันยังไม่เกิด  ส่วนพ่อไม่ได้เป็นคริสเตียน   ตอนเด็กๆ ฉันไปโบสถ์ทุกๆอาทิตย์ แต่ก็ไปเพราะไปตามแม่ ไม่ค่อยรู้เรื่องว่าความหมายของการไปโบสถ์คืออะไร   จนเมื่อฉันอายุ 7 ปี ฉันได้มีโอกาสตัดสินใจรับเชื่อกับครูสอนรวี    ฉันรู้สึกและสัมผัสได้ว่าพระเจ้าดูแลฉันและปกป้องฉันในทุกๆเวลา และทุกๆวินาที หลังจากนั้น ชีวิตของฉันก็ดำเนินโดยการมีพระเจ้าเป็นศูนย์กลางในชีวิต พึ่งพาพระเจ้า และไว้วางใจในพระองค์   พระเจ้าก็ทรงสอนฉัน และให้เกิดประสบการณ์มากมาย ที่สอนให้ฉันวางใจและพึ่งพาในพระเจ้ามากขึ้น โดยไม่ใช้กำลังความคิดของตนเองเป็นหลัก
                “พระคุณพระเจ้านั้นแสนชื่นใจ” ชีวิตของฉันหาก ไม่ได้พระคุณจากพระเจ้า ชีวิตของฉันคงดำเนินไปโดยไม่มีความสุขเลย    อาจจะมี…   แต่ก็คงไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง       หลายครั้งที่ฉันเสียใจ ท้อแท้ หรือหมดหวังพระเจ้าจะมาในเวลาที่เหมาะสม ไม่ช้าและไม่สาย  พระองค์มาทันเวลาเสมอ  พระองค์ทรงเป็นผู้ปลอบประโลม
                ขอบคุณพระเจ้า สำหรับการทรงนำของพระองค์ ทั้งด้านการเรียน และรวมถึงการรับใช้ โดยเฉพาะของประทานทางด้านดนตรีที่พระองค์ทรงประทานให้แก่ฉัน  ทำให้ฉัน  แม่  และพี่ชาย  ได้มีโอกาสเข้าร่วมในทีมนมัสการของคริสตจักร ฉันได้มีส่วนในการร้องเพลง และเล่นเปียโน ส่วนพี่ชายของฉันเล่นกีตาร์เบส  และแม่ก็ร้องเพลง      ทุก ๆครั้งที่ฉันเล่นขณะนมัสการ  ฉันคิดและอธิษฐานทุกครั้งว่า ขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ และเป็นที่ถวายเกียรติแด่พระองค์    ฉันอยากที่จะสรรเสริญและยกย่องพระนามของพระองค์ไว้สูงที่สุดว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ผ่านทางเสียงดนตรีนี้        การเข้าร่วมในทีมนมัสการ ทำให้ฉันติดสนิทกับพี่น้องคริสเตียนในโบสถ์มากขึ้น  ทำให้ฉันเห็นความรักและความน่ารักของพระองค์ต่อชีวิตของสมาชิกในทีมนมัสการและในคริสตจักรอย่างชัดเจนขึ้น
                แผนการของพระเจ้าและการจัดเตรียมของพระองค์ช่างน่าอัศจรรย์ใจจริงๆ   หลายๆอย่างหลายๆสถานการณ์อาจจะดูเหมือนว่ามันคือสิ่งที่ดี และสิ่งที่งดงามในสายตาของมนุษย์   แต่พระองค์มักจะมีสิ่งที่ดีกว่าและสิ่งที่ดีที่สุดรอไว้ให้กับเราเสมอ ขอแค่เราไว้ใจและเชื่อฟังพระองค์ เรียนรู้น้ำพระทัยของพระองค์ ติดสนิทกับพระองค์ในทุกๆวันและทุกๆย่างก้าวของการดำเนินชีวิต        หลายๆครั้ง ฉันได้มีโอกาส ประกาศและเล่าเรื่องราวของพระเจ้าให้กับเพื่อนของฉันที่โรงเรียนฟัง ซึ่งโรงเรียนของฉัน 90% นับถือศาสนาพุทธ   ขอบคุณพระเจ้าที่ฉันได้เป็นท่อพระพร ให้กับเพื่อนที่ยังไม่เชื่อในพระเจ้า     และฉันก็ยังคงมีความหวังใจว่า สักวันพ่อของฉันจะได้ยินข่าวประเสริฐนี้ และเชื่อในความรักมั่นคงของพระเจ้าเช่นเดียวกับ ฉัน แม่ และพี่     เพื่อจะเป็นครอบครัวที่เติบโตในทางของพระเจ้าตลอดไป…
“พระเจ้าทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าดุจเลี้ยงแกะข้าพเจ้าจะไม่ขัดสน พระองค์ทรงกระทำให้ข้าพเจ้านอนลงที่ทุ่งหญ้าเขียวสด พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปริมน้ำแดนสงบ ทรงฟื้นจิตวิญญาณของข้าพเจ้า พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปในทางชอบธรรมเพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์ แม้ข้าพระองค์จะเดินไปตามหุบเขาเงามัจจุราช  ข้าพระองค์ไม่กลัวอันตรายใด ๆ เพราะพระองค์ทรงสถิตกับข้าพระองค์   คทาและธารพระกรของพระองค์เล้าโลมข้าพระองค์พระองค์ทรงเตรียมสำรับให้ข้าพระองค์ต่อหน้าต่อตาศัตรูของข้าพระองค์”    สดุดี 23:1-4
คำพยานชีวิคเด็กหญิงสริตา  สุวีระ (เบค)